กัดเล็บ…เพราะเก็บกด
สิ่งที่พบบ่อยในเด็กกัดเล็บคือ เด็กมีภาวะเครียดหรือเศร้า เป็นการแสดงออกถึงภาวะเก็บกดในจิตใจ เรื่องนี้หมอก็บอกไม่เสมอไปอีกเช่นกันค่ะ
"เด็กบางคนเครียดจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องที่เป็นไปตามพัฒนาการของเขาหรือของครอบครัว เช่น แม่มีน้อง ซึ่งตรงนี้เด็กอาจแสดงออกด้วยการกัดเล็บ แต่พอช่วงวิกฤตผ่านพ้นไปแล้ว เด็กสามารถปรับตัวปรับใจได้แล้ว อาการก็จะหายไปเอง จะมีเด็กเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ยังกัดอยู่ ซึ่งนี่คือการติดเป็นนิสัย ตรงนี้เราจะยังไม่วินิจฉัยว่าเป็นโรค แต่เรียกว่าเป็นการแสดงออกของความรู้สึกมากกว่า"
ที่ศูนย์สุขวิทยาจิต จะมีคุณแม่มาปรึกษาเรื่องลูกกัดเล็บบ่อยมากค่ะ แต่จะเป็นลูกวัยประถมฯมากกว่าวัยรุ่น
"เรื่องนี้จะดี ตรงที่ว่าพอเด็กโตขึ้น อาการจะค่อยๆ หายไปเอง แต่ก็จะไปแสดงออกด้านอื่นๆ แทน เช่น สมมติว่าเริ่มต้นจากเด็กคนหนึ่งเป็นเด็กซึมเศร้า พ่อแม่หย่าร้างกันหรือครอบครัวมีแต่การทะเลาะเบาะแว้งตลอดเวลา เด็กคิดมากโดยไม่รู้ตัว เขาจะกัดเล็บไปเรื่อยๆ ช่วงเล็กๆ ก็กัดไป แต่พอเข้าวัยรุ่นเริ่มรู้สึกว่า การกัดเล็บเป็นพฤติกรรมที่ทำให้ถูกเพื่อนล้อ เขาก็จะเอามือออกจากปาก แต่ก็จะแสดงออกถึงภาวะเก็บกดนี้ไปในทางอื่นแทน ซึ่งเพื่อนล้อไม่ได้ เช่น อาจจะนั่งซึม ออกไปเที่ยว คบเพื่อนฝูงไม่ดี มีเพศสัมพันธ์ ใช้ยาเสพย์ติด สิ่งเหล่านี้กลายเป็นพฤติกรรมที่เป็นปัญหาซึ่งแฝงอยู่ในตัวเขาแล้วตอนนี้"
เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณพ่อคุณแม่คงต้องสังเกตแล้วละค่ะ ว่าปัญหาการกัดเล็บของลูกนี้เกิดจากอะไร แก้ไขได้ไหม เช่น เกิดจากการทะเลาะตบตีในบ้าน ตรงนี้พ่อแม่แก้ได้ไหม ถ้าเกิดจากความเครียดที่แก้ไขไม่ได้ เช่น แม่มีน้องใหม่ คุณพ่อคุณแม่ก็อาจแสดงความรักความใกล้ชิดกับลูกให้เหมือนเดิม หรืออย่างน้อยก็ไม่ให้เด็กรู้สึกแย่จนเกินไป แล้วก็ค่อยๆ ปรับพฤติกรรมการกัดเล็บของเขาเสีย
"อาจใช้การสร้างแรงจูงใจทางบวก เช่น ใช้ สตาร์ ชาร์ต โดยบอกเขาว่า ถ้าวันนี้หนูไม่กัดเล็บเลย หนูจะได้หนึ่งดาว หรือใช้สติ๊กเกอร์ติดไว้ที่เล็บ โดยให้เด็กเลือกเองว่าจะใช้รูปไหนแปะดี สิ่งที่ได้คือเด็กกัดไม่ได้ แต่มีกิจกรรมอื่นทดแทนคือ ชื่นชมตัวการ์ตูนในสติ๊กเกอร์เหล่านั้น เรียกว่าเป็นกิจกรรมแฝง โดยสรุปคือ เบี่ยงเบนเขาออกจากกิจกรรมนี้ แล้วจัดกิจกรรมอย่างอื่นให้เด็กทำ และใช้แรงจูงใจทางบวก
ที่สำคัญ คุณหมอบอกว่า ไม่ควรไปชี้นิ้วว่าเด็ก เพราะการย้ำยิ่งทำให้เด็กเครียดมากขึ้น และกระตุ้นให้ทำมากขึ้นไปอีก เวลาที่เขาอยู่ลับหลังคุณ หมั่นสังเกตว่าลูกเราเหงาหรือเปล่า เบื่อหรือเปล่า แก้เสียโดยหากิจกรรมให้เขาทำ"
ถอนผม…โรคทางจิต
เราอาจเห็นผู้ใหญ่ถอนผมบ่อยๆ เมื่อมีความกังวล เด็กๆ ก็อาจเป็นได้เช่นกันค่ะ ถอนน้อยๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าถอนมากจนเป็นวงขาว… ท่าจะไม่ค่อยดีค่ะ
"หมอเคยพบเด็กที่สถานสงเคราะห์ อายุไม่เกิน 5 ขวบ ถอนผมจนผมหายไปเป็นวงเลย ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับมุมถนัดของเขาว่าจะอยู่ตรงไหน กลางกะหม่อมหรือด้านข้าง เด็กที่โตกว่านี้ก็มีพบเหมือนกัน โรคนี้ดูเหมือนเป็นปัญหาทางพฤติกรรม แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีปัญหาอารมณ์แฝงอยู่ เท่าที่พบ เด็กที่มีพฤติกรรมแบบนี้มักจะเก็บกด ไม่ช่างพูด และรู้สึกอะไรก็อดทนกับความรู้สึกเหล่านั้น แสดงออกไม่เป็น ทักษะการแก้ปัญหาไม่ดี มันสะท้อนถึงพื้นฐานเด็ก ที่เราต้องแก้ไขค่ะ"
เรื่องถอนผมนี่ดูเหมือนจะเป็นพฤติกรรมที่หนักที่สุด ถึงขั้นเป็นโรคได้ทีเดียว แต่ทั้งนี้ เด็กบางคนก็เป็นเพียงนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น เหมือนกัดเล็บและเขย่าขา นอกเสียจากว่าเด็กมีพฤติกรรมถอนผมซ้ำๆ กันมากๆ จนสังเกตเห็นหัวล้านเป็นหย่อมๆ ตรงนี้ แพทย์สามารถวินิจฉัยว่า เด็กมีความผิดปกติทางจิตใจ เรียกว่า โรคทิโชทิโลมาเนีย (Trichotilomania) คือ โรคที่ไม่สามารถควบคุมความต้องการที่พุ่งขึ้นมาจากภายในได้ พบตั้งแต่เด็กวัยเรียนไปจนถึงผู้ใหญ่
อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ลูกของเราอยู่ในข่ายไหมคะ อย่ารอช้า ช่วยกันปรับกิริยาท่าทีของสาวน้อยหนุ่มน้อยกันหน่อย ก่อนที่จะเป็นบุคลิกติดตัวไปจนโต ให้เพื่อนฝูงล้อเลียนจนต่อมกลุ้มของพ่อแม่ลูกต้องทำงานกันอีกครั้ง
ที่มา
http://www.elib-online.com/ --------------------------------------------------------------------------------
น้องๆ MaXNOs มีใครที่เป็นอาการ 3 แบบข้างต้น หรือมีเพื่อนที่มักจะมีพฤติกรรมเหล่านั้นหรือเปล่า
- ถ้าใครเคยติด เขย่าขา เวลานั่ง .. อยากรู้จังว่า ทำไมต้องเขย่าขา
- ถ้าใครเคยกัดเล็บ ตอนนี้ยังกัดอยู่รึเปล่า
- ถอนผม .. เอร่อ มีใครถอนผมตัวเองเล่นๆ บ้างมั้ยเนี่ย ?